“บ้านพักของเหมืองสมศักดิ์อบอุ่นและงดงามด้วยความรักอันละเมียดละไม ของผู้สร้างตำนานรักต่างเชื้อชาติคุณสมศักดิ์ เสตะพันธุ และคุณเกล็นนิส ใครๆที่มาถึงที่นี่แล้วต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่อยากออกไปที่ไหนอีกแล้ว อยากจะนั่งๆ นอนๆ กินๆ อยู่ที่นี่แหละ”
ปิล๊อกในวันนี้เงียบเชียบ เนื่องด้วยอุตสาหกรรมทำเหมืองที่รุ่งเรืองมาตั้งแต่ราว พ.ศ ๒๕๒๒ ต่างปิดตัวเองลงกันไปหมดแล้วเพราะทรัพยากรธรรมชาติใต้ดินมีน้อยลงเป็นเหตุผลส่วนหนึ่ง หากแต่อีกเหตุผลหนึ่งก็คือราคาแร่ในตลาดโลกที่ตกต่ำลงไปมาก ทำให้เหมืองขนาดใหญ่ไม่คุ้มทุนอีกต่อไปเมืองใหญ่ในอดีตที่เคยมีเงินสะพัดเป็นสิบเป็นร้อยล้าน เคยมีผู้คนเข้ามาอยู่อาศัยทำงานต่างๆที่เกี่ยวเนื่องกับการทำเหมืองแร่นับพันนับหมื่นคน บัดนี้กลายเป็นเมืองเงียบเชียบที่ดำรงอยู่อย่างอัตคัดด้วยการทำการเกษตรและท่องเที่ยวเป็นสำคัญวันนั้นเราไปถึงปิล๊อกตอนเที่ยงก่อนเข้าเมืองเราเห็นป้ายบอกทางที่จะมุ่งเข้าไปที่เหมืองสมศักดิ์อยู่ข้างทาง แต่เราขับรถเลยไปเพื่อชมเมืองปิล๊อกประสาคนไม่เคยเข้าเมืองนี้กันนิดหน่อยก่อน นอกจากเรื่องราวของการทำเหมืองแร่แล้ว ปิล๊อกยังเป็นเมืองชายแดนที่มีอุณหภูมิหนาวเย็นเกือบตลอดทั้งปี หน้าหนาวจะมีทะเลหมอกงามลงตัว และมีจุดชุมวิวที่อยู่บนค่ายตำรวจตระเวนชายแดนบนเส้นพรมแดนพอดี แล้วขออนุญาตทั้งตำรวจไทยและตำรวจพม่าที่ประจำการอยู่ตรงนั้น ซึ่งมีอัธยาศัยดีกับนักท่องเที่ยว ออกไปชมช่องเขาที่เปิดออกสู่ดินแดนมอญที่วันนี้กลายเป็นประเทศพม่าไปแล้วที่ตรงนั้นด้านไทยเราเป็นยอดเขาเตี๊ยๆ เพราะเราขับรถขึ้นมาสูงมากแล้วแต่ทางฝั่งประเทศเพื่อนบ้านมองลงไปกลับเป็นพื้นที่สูงชันมาก พอเดินทะลุช่องเขาที่ขุดด้วยมือออกไป ภาพข้างหน้าก็ตระการตามากมองลงไปเห็นพื้นที่ด้านล่างกว้างขวางแทบทั้งหมด ดินแดนมอญด้านนี้ยังไม่มีอะไรเลยนอกจากเนินเขาสูงๆต่ำๆเบื้องล่างใกล้สุด สิ่งที่น่าสนใจเพียงอย่างเดียวก็คือ โรงพักแยกแก๊สธรรมชาติของฝรั่งที่เป็นตัวกลางในการส่งแก๊สธรรมชาติจากอ่าวเมาะตะมะเข้าสู่เมืองไทย ไกลออกไปพ้นจากแผ่นดินกว้างใหญ่เป็นเมืองชายทะเล คือเมืองเย และวันนี้อากาศก็เป็นใจจนเรามองเห็นสีน้ำเงินของทะเลจะมีคนบอกกับเราว่า เมื่อก่อนนี้สมัยที่กำลังซื้อบนเมืองปิล๊อกยังมากมายฟุ้มเฟือยอยู่นั้น มีอาหารทะเลเป็นๆ กุ้งมังกรตัวโตๆ หอย ปู ปลาอีกนับไม่ถ้วน ส่งขึ้นมาจากทะเลอันดามันมาขายกันถึงที่นี่เลยทีเดียวถ้าลองมองที่ตรงนี้ในแผนที่ใหญ่ๆการมองออกไปจากตรงนี้คือการยืนหันข้างให้แนวเหนือใต้ของแผนที่ และมองตรงออกไปทางทิศตะวันตก แผ่นดินถัดเราลงไปก็คือที่ราบริมทะเลแคบๆของแผ่นดินมอญ ที่ถ้ามองเข้ามาจากทะเลก็จะเห็นทิวเขาตะนาวศรีเป็นแนวทะมึนขวางอยู่เต็มตา เรามองออกไปจากพรมแดนไทย-พม่าบนเขานี้ และดินแดนที่เคยเป็นดินแดนของชาวมอญ เมืองเย( Ye) เมืองวาย(Tavay) เมืองมะริด(Mergui) เมืองสะเทิม(Taton) และเมืองมะละแหม่ง(Moulmein) ก่อนจะตกอยู่ภายใต้อำนาจพม่าก็เป็นดินแดนที่คล้ายคลึงกับประเทศเวียดนามคือเป็นที่ราบแคบๆชายฝั่งทะเลอันดามันต่างกันตรงเวียดนามเป็นที่ราบแคบชายฝั่งทะเลจีนใต้ แผ่นดินมอญเกือบทั้งหมดก็แทบจะมาวางตัวอยู่เบื้องหน้าของเราตรงนี้แล้วเราก็ออกสู่เส้นทางออฟโรดอีกครั้ง โดยแยกซ้ายออกจากเส้นทางหมายเลข3272 ตรงป้ายที่เขียนไว้ชัดเจนว่าเหมืองสมศักดิ์ ทางจากตรงนี้เป็นต้นไปนี่แหละ ที่ชาวขับออฟโรดทั้งหลายถือว่าเป็นเส้นทาง The Must ระดับประถมต้น แทบทุกวันหยุดสุดสัปดาห์มีชาวขับสี่ล้อขับกันเข้ามาเป็นหมู่คณะ อยู่เป็นประจำเส้นทางจากตรงนี้เป็นทางเข้าเหมืองแร่เก่าหลายๆเหมือง สภาพทางแรกๆก็ไม่ยากเย็นนัก จนกระทั่งมาถึงสามแยกใหญ่มีป้ายเขียนสำทับให้น่ากลัวไว้ว่า “เฉพาะรถขับเคลื่อนสี่ล้อเท่านั้น” จากป้ายนี้ไปทางก็เปลี่ยนไปเป็นหินลอยก้อนใหญ่ๆกับดินล้วนๆดังนั้น ความทุรกันดารที่จะต้องเจอเป็นหลักก็คืออาการกระแทกกระทั้น อาการล้อปั่นฟรีเพราะลื่น หรือเพราะตกลงจากยอดหิน ครูโด่งบอกผ่านวิทยุมือถือ อุปกรณ์จำเป็นอีกอย่างของการขับออฟโรดเสียงดังเข้ามาในรถให้ลองขับเข้าไปด้วยเกียร์ 4 LOWและความเร็วแบบ Walking Speed จะได้รับรู้รสชาติของสภาพถนนขรุขระที่ทุรกันดารมากขึ้น แต่อาการกระแทกกระทั้นบอบช้ำของรถจะมีน้อยเพราะต้องค่อยๆหยอดหลุมไป และมีเวลาเลือกเส้นทางหักพวงมาลัยซ้ายขวาหลบได้มากกว่าในที่สุดเราก็มาถึงจุดหมายปลายทาง “เหมืองสมศักดิ์” ที่มีคุณป้าเกล็น หรือ Glennis Setabandhu คุณป้าฝรั่งชาวออสเตรเลีย ที่มีความรัก ความผูกผันกับเหมืองสมศักดิ์ จนตัดสินใจที่จะอยู่ในดินแดนทุรกันดารแห่งนี้ไปจนชั่วชีวิตและเรื่องราวดังความฝันของคุณป้าเกล็นก็เริ่มขึ้นเมื่อหลายสิบปีก่อนที่เมืองแคลคูรี ประเทศออสเตรเลีย เมื่อคุณสมศักดิ์ เสตะพันธุ ชายหนุ่มจากจังหวัดกาญจนบุรี ประเทศไทย ได้ไปเรียนต่อปริญญาโท ด้านวิศวกรรมเหมืองแร่ที่มหาวิทยาลัยที่นั่น รักต่างชาติของคนทั้งสองก็เกิดขึ้น และเดินเข้าสู่ประตูวิวาห์ร่วมกัน จากนั้นคุณสมศักดิ์ก็พาคุณป้ากลับเมืองไทย และตัดสินใจไปทำเหมืองแร่ที่ปิล๊อก โดยคุณป้าตัดสินใจตามเข้าไปเป็นแม่บ้านถึงในดินแดนป่าดงดิบนี้ด้วยกิจการเหมืองสมศักดิ์ผ่านยุคแห่งความรุ่งเรืองมานาน จนกระทั่งเข้าสู่ยุคแห่งความเสื่อมโทรมเพราะราคาแร่ของตลาดโลกตกต่ำและความเสื่อมโทรมนั้นก็มาถึงในที่สุด ด้วยการลาจากโลกนี้ไปของคุณสมศักดิ์ด้วยโรคหัวใจและโรคมะเร็งในกระเพาะอหารแต่ด้วยความรักและความผูกผันทั้งปวง แม้เหมืองจะปิดกิจการไปแล้ว แต่ป้าเกล็นก็ยังคงอยู่ปิล๊อกต่อไป และดำรงชีพพร้อมกับดูแลลูกน้องชาวเหมืองจำนวนหนึ่ง ด้วยการเปิดบ้านพักของเหมืองให้เป็นแหล่งพักให้กับนักท่องเที่ยวในลักษณะของเกสเฮาส์หรือโฮมสเตย์ ซึ่งด้วยรสนิยมผู้ดีฝรั่งของคุณป้า บวกกับความเป็นวิมานรักของสองหนุ่มสาวเจ้าของเหมือง ทำให้บรรยากาศที่พักที่นี่มีกลิ่นอายไม่เหมือนที่ไหน ไม่ถึงกับหรูหรา
ขนมเค้กมีให้ทานตลอดทั้งวันฝีมือป้าแกสุดยอด
แต่ก็มีสัมผัสแห่งรสนิยมฝรั่งสมัยใหม่ บวกกับความละเมียดละไมของไออุ่นแห่งความรักที่ไม่เคยจางหายแม้ฝ่ายหนึ่งจะจากไปแล้ว จึงทำให้ที่นี่กลายเป็นที่พักที่โรแมนติก เต็มไปด้วยรสนิยมที่เข้ากันได้ดีกับอุปนิสัยของบรรดานักท่องเที่ยวออฟโรดทั้งหลายสิ่งที่เลื่องลือมากสำหรับทุกคณะท่องเที่ยวที่นี่ก็คือ รสชาติเสนออร่อยของขนมเค้กแบบโฮมเมดแสนสวยและสดใหม่จากเตาของป้าเกล็นที่เสริฟทุกเช้าและทุกเวลา ยิ่งความอร่อยแบบนี้มาเจอเข้ากับความหนาวเย็นในหน้าหนาว บอกกับบรรยากาศ ตลอดจนธรรมชาติงามๆด้วยแล้ว เป็นบรรยากาศที่เข้ากันจนนักท่องเที่ยวหลายๆคณะที่พากันมาถึงที่นี่ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ตอนแรกอยากจะมาดูเหมือง ดูน้ำตก นั่งรถออฟโรด แต่พอมาถึงบ้านป้าเกล็น ก็ไม่อยากไปไหนทั้งสิ้น อยากจะนั่งๆนอนๆดื่มด่ำกับบรรยากาศอบอุ่นที่นี่เป็นไปอย่างนี้ให้นานๆคณะของเราวันนั้นไม่ได้วางแคมป์แต่เข้าพักในบ้านป้าเกล็นแทน แต่ยังไม่ทันจะเข้าห้องพัก เราก็พากันไปกระโดดน้ำเล่นในเขื่อนย่อมๆภายในที่พักอย่างสนุกสนาน และค่ำคืนนั้น อาหารค่ำที่บ้านป้าเกล็นอร่อยมากๆ และที่สำคัญเรายังได้รับฟังเรื่องราวหลากหลายจากปากของคุณป้า ที่เล่าเรื่องราวต่างๆให้เราฟังอย่างมีความสุขถ้าอยากจะรู้ว่าเรื่องราวของชาวเหมืองสมศักดิ์ ตลอดจนความรักในวิมานกลางป่าท่ามกลางคนทำเหมืองนับร้อยเป็นอย่างไร ให้ไปฟังจากปากป้าเกล็นด้วยตัวเองเถิด ป้าคงจะเล่าได้อย่างมีชีวิตชีวามากกว่าให้เราเล่าหลายเท่า เราถามป้าว่ามีนักท่องเที่ยวเข้ามามากมายแบบนี้ คุณป้าต้องเล่าเรื่องราวต่างซ้ำแล้วซ้ำเล่าบ่อยๆอย่างนี้เบื่อบ้างไหม คุณป้าตอบว่า ไม่มีเบื่อเลย ยิ่งเล่า ภาพแห่งความสุขในอดีตก็เหมือนจะหวนคืนมาชัดเจนอีกครั้ง เป็นความสุขที่ได้เล่าและเป็นความสุขที่ได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวที่มาช่วยทำให้เหมืองสมศักดิ์มีชีวิตคืนมาอีกครั้งและอยู่ต่อไปได้..
น้ำตก ผาแปร น้ำตกใหญ่ซึ่งอยู่ภายในเหมืองสมศักดิ์
แบบว่าเห็นแล้วอึ้ง
15 ความคิดเห็น:
**เอ้.น้องดรีมพวกเราไปฉลอง ปอโท ที่นี้กันดีไหม? ยกกันไปทั้งแก็งเลยนะ โอโห มีอาหารทะเลเป็นๆ กุ้งมังกรตัวโตๆ อึบ น้ำลายไหล **
*** ผมเคยดูใน TV นานแล้วละ ไม่รู้รายการอะไร
น่าไปพักผ่อน สวยดี ไปนอนนับดาวตอนดึกๆ
น่าสนใจค่ะ แต่ไม่รู้ว่าถ้ามีเด็กเล็กๆ ไปด้วยจะสะดวกหรือเปล่าค่ะ อยากให้ลูกสัมผัสธรรมชาติ อากาศดีๆ เหมือนกัน
เคยไปมาแล้วจ้า... ฝีมือเค้กของป้าเกลน อร่อยมากค่า ต้องลอง!! Kokkai จ้ะ เด็กๆ ไปก็สะดวกนะ ที่พักเป็นแบบธรรมชาติ แต่ต้องไปแบบรถ 4 Wheels จ้า เนื่องจากทางเข้าต้องลุยนิดนึงอ่ะ รับรองสนุก... เล่นน้ำตก เล่นไพ่ ฯลฯ อย่าลืมแวะที่อุทยานแห่งชาติด้วย สวยมาก ขอบอกกก ถ่ายรูปแล้วมีหมอกนิดๆ อิอิ
ไปเที่ยวกาญจนบุรีบ่อยมาก เคยมีเพื่อนบอกเหมือนกัน
แต่ยังไม่เคยเข่าไปเพราะกลัวครั้งนั้นไปกันแค่สองคน
อ่านแล้วทำให้อยากไปแล้วสิ...
ยามเบื่อการท่องเที่ยวแบบสบายๆ ลองไปที่นี่ดูอาจทำให้ชีวิตมีความสุขจากการท่องเที่ยวอีกแบบหนึ่ง
ตอนจัดปัจฉิมนิเทศรุ่นต่อไป ไปที่นี่ก็ดีนะจะได้ไปทานอาหารทะเลอร่อย ๆกัน
เป็นความคิดที่ดีนะคะ น่าสนๆ
น่าไปมากๆเลยอ่า
ถ้าได้ไปพักตากอากาศ + กินอาหารอร่อย แค่คิดก้อสดชื่นแล้ววว
ขอบคุณ blog ดีๆที่แนะนำที่เที่ยวนะค่ะ น่าสนใจมากๆเลย ^__^
ชอบชายหาดนี้มากเลยอยากไปนอนเปลือยบ้านค่ะ
ชายหาดนี้ไกลมากไหมอยากไปนอนอาบแดดเปลือยส่วนบนส่วนล่างจัง ตา 22
รักนะทีมนี้นะ หาภาพสวยๆมาให้ดูเพลินดียามเหงาๆแถมอาจารย์ยังส่งเพลงมาให้อีกเก่งจัง
ช่างสรรหาสถานที่เที่ยวได้ดีมาก.น่าสนใจครับ
สนับสนุน ถ้าไปปัจฉิมที่นีจริงๆนะ บอกโครงการด่วน
ตัวหนังสือเล็กเกินไป
แสดงความคิดเห็น