ประกาศรายชื่อผู้โชคดีที่ร่วมสนุกกับกิจกรรมของ TripTourTeam ได้แก่ 1. คุณ ศวิตา ประจวบแสง (spy'24) จาก Blog สุขภาพดี 2. คุณ พัชรินทร์ หินอ่อน (nongrin) จาก Blog TripTourTeam 3. คุณ ภิญญดา อชิรเชาวภาส (ภิญญดา บ้าน 818) จาก Blog บ้าน 818 4. คุณ ภัทรจิรา พาร์สันต์ (น้องอ้อ) จาก Blog 108-1009 5. คุณ ศิริพันธ์ พูลเจริญ (s'phan ttt) จาก Blog TripTourTeam 6. คุณ ฐาปนี ดีดอน (tappie) จาก Blog TripTourTeam 7. คุณ นชาพร แซ่เหลี่ยน (napa) จาก Blog บ้าน 818 ขอแสดงความยินดีด้วยค่ะ อย่าลืมเข้ามาร่วมสนุกกับกิจกรรมดีๆ แบบนี้กันเยอะๆ นะคะ



28 กรกฎาคม 2551

มีกิจกรรมมาให้ร่วมสนุกกันค่ะ

บทความที่แล้วนำเสนอธรรมชาติของทะเลพร้อมกับธรรมชาติของมนุษย์ควบคู่กันไป บทความนี้จะขอนำเสนอธรรมชาติของประเทศไทยบ้าง

ยังจำกันได้มั้ยค่ะสำหรับของฟรี!!!ที่เคยนำมาบอกกัน หนังสือ " บินไปบินกลับขับรถเที่ยว " ที่จัดทำโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศ เป็นคู่มือแนะนำเส้นทางท่องเที่ยวจำนวน 30 เส้นทาง ประกอบด้วยเส้นทางที่มีแหล่งท่องเที่ยว ที่พัก แหล่งจับจ่ายซื้อของ ร้านอาหาร ประเพณีที่น่าสนใจ ครอบคลุมทุกภาคของประเทศไทยตั้งแต่เหนือจรดใต้

ขณะนี้ทาง TripTourTeam ได้ไปขอหนังสือมาจำนวนหนึ่งแล้ว จึงนำมาจัดกิจกรรมให้ทุกๆ คนได้ร่วมสนุกกันค่ะ โดยมีกติกาว่า " ผู้ที่มาแสดงความคิดเห็นเป็นลำดับที่ลงท้ายด้วยเลข 9 จะได้รับหนังสือ บินไปบินกลับขับรถเที่ยว ทันที 1 เล่ม เริ่มตั้งแต่บทความนี้เป็นต้นไป "

ขอแนะนำโปรแกรมพิเศษ!! 1 ราคา 5 เส้นทาง
5 เส้นทางแห่งการเที่ยว ราคาเดียวแบบถูกสุดเพียง 8,200 บาท/2 ท่าน
- ตั๋วเครื่องบิน ไป-กลับ แอร์เอเชีย
- ที่พัก 3 วัน 2 คืน
- รถเช่า 3 วัน(ไม่รวมคนขับ)
ตั้งแต่เดือน กรกฎาคม – กันยายน 2551 ยังมีโปรแกรมอื่นที่น่าสนใจอีก
ติดต่อสอบถามโทร. 1113 หรือ http://www.edtguide.com/

อย่าลืมเข้ามาร่วมสนุกกับกิจกรรมดีๆ แบบนี้กันนะคะ อ้อ!!! แล้วอย่าลืมบอกชื่อไว้ด้วยนะคะ ไม่งั้นเดี๋ยวจะพลาดโอกาสดีๆ ^_^

หนังสือจะนำไปมอบให้ในชม.ของ อ.พีรพร ถ้าผู้แสดงความคิดเห็นไม่ใช่นศ.ในวิชานี้ก็ใช้สิทธิ์โดยฝากเพื่อนรับแทนได้ค่ะ ด่วน!!!! ของมีจำนวนจำกัดนะคะ

25 กรกฎาคม 2551

Nude Beach !!! O_O

บทความนี้อาจจะออกแนว xxx ไปหน่อยนะคะ บางรูปดูแล้วโป๊เกินไปเลยต้องมีการเซ็นเซอร์กันหน่อย เชื่อว่าหลายๆ คนคงเคยได้ยินกันมาบ้างแล้วสำหรับ Nude Beach หรือ ชายหาดเปลือย คงจะเดากันออกแล้วใช่มั้ยค่ะว่าเป็นยังไง










หาดเปลือย เริ่มเป็นที่นิมยมเมื่อกลางศตวรรษที่ 20 ตามชายฝั่งทะเลเมดิเตอเรเนียนและฝรั่งเศส ซึ่งมีความนิยมที่ขยายเป็นวงกว้าง 5 หาดเปลือยยอดนิยมทั่วโลกที่ได้รับการคัดเลือกจากนักท่องเที่ยวต่างประเทศ ได้แก่

1. Ocho Rios, จาไมก้า

ที่นี่คือคำตอบสำหรับคู่รัก มันเป็นสถานที่เก่าส่วนตัวที่มีทุกสิ่งที่คุณต้องการและคาดหวัง แต่อย่าลืมที่จะนำเสื้อผ้าไปบ้างล่ะ ถึงแม้จะเป็นหาดเปลือยแต่รีสอร์ทส่วนใหญ่ยังต้องการให้แขกนุ่งผ้าบ้าง



2. Little Beach, เมาอิ, ฮาวาย

หาดนี้ได้รับการโหวตก็เนื่องจากเป็นหาดเดียวในฮาวายที่สามารถแก้ผ้าอาบแดดได้ แม้กฎหมายจะห้ามแต่ที่หาดนี้กฏไม่ได้รับการปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดนัก ดังนั้น Little Beach จึงกลายเป็นหาดที่จะนุ่งผ้าอาบแดดก็ได้อย่างไม่เป็นทางการ









3. Haulover Beach, ฟลอริด้า

หาดนี้ได้รับความร่วมมือและดูแลจากหน่วยงานของรัฐ คุณอาจจะงงว่าเป็นหาดแบบไหนกัน ที่หาดนี้มีเจ้าหน้าที่ไลฟ์การ์ดที่ได้รับใบอนุญาตมาประจำการเป็นประจำ เผื่อจะมีใครจมน้ำเนื่องจากแอบมองสาวๆ แก้ผ้าอาบแดดมากไปหน่อย


4. Praia do Pinho, คัมโบรี, บราซิล

หาดเปลือย อาจไม่สามารถมีได้ทุกที่ในโลกแต่แน่ใจได้เลยว่าประเทศหนึ่งที่ต้องมีก็คือ บราซิล เนื่องจากประเทศนี้มีชายฝั่งยาวเหยียดเกือบรอบประเทศ หาด Praia do Pinho อยู่ภาคใต้ของประเทศบราซิลที่ซานต้า คาตาริน่า เป็นหาดเปลือยแห่งแรกของประเทศ เปิดในปี 1987 แม้ว่าหาดเปลือยที่อื่นสามารถเลือกที่จะใส่เสื้อก็ได้ แต่ที่หาดนี้นักท่องเที่ยวจะสังเกตได้ว่าการเปลือยหมดอาจจะเป็นการฉลาดกว่า


5. Red Beach, เครเต้, กรีซ

คุณคงจะดีใจมากถ้าได้รู้ว่าคุณสามารถเปลือยที่นี่ได้ทุกที่ทุกเวลายกเว้นเมื่อคุณเข้าห้องอาหารเท่านั้น ที่นี่ต่างจากหาดอื่นตรงวิวที่ได้คือ หน้าผาสูงชัน กระท่อมหลังน้อย และสีสวยของน้ำที่ให้ความรู้สึกแบบกรีซโบราณ ซึ่งไม่เหมือนกับการไปเยี่ยมเยียนหาดทรายอื่น





หลายๆ คนอ่านแล้วคงอยากไปกัน แต่คิดหน้าคิดหลังให้ดีนะคะ แล้วอย่าลืมฟิตหุ่นก่อนไปด้วยล่ะ!!!

22 กรกฎาคม 2551

โครงการอาสาแจ๋วรักษ์โลก

มีโครงการดีๆ มาฝากค่ะ เป็นโครงการของ " รายการ 30 ยังแจ๋ว " ทางช่อง 3 ร่วมกับ " บริษัท เต็ดตรา แพ้ค " หลายๆ คนอาจจะทราบแล้ว เพราะโครงการนี้มีมาระยะหนึ่งแล้วค่ะ แต่เพิ่งจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อไม่นานมานี้


โครงการนี้มีชื่อว่า " โครงการอาสาแจ๋วรักษ์โลก " จัดทำขึ้นเพื่อช่วยลดโลกร้อน โดยทางรายการขอรับบริจาคกล่องเครื่องดื่มที่ใช้แล้ว ไม่ว่าจะเป็น กล่องนม กล่องน้ำผลไม้ หรือกล่องอะไรก็ได้ที่ด้านในเป็นฟอยล์ (Foil) เพื่อนำกลับมารีไซเคิลทำโต๊ะ, เก้าอี้, ถังขยะ, ตะกร้า, กล่องดินสอ, กระดาษเขียนหนังสือ ฯลฯ ให้แก่โรงเรียนที่ขาดแคลน กล่องนมที่นำไปบริจาคควรล้างให้เรียบร้อยก่อนนะคะ จะได้ไม่ส่งกลิ่นเหม็น











ผู้ที่สนใจสามารถบริจาคได้ที่
1. ส่งไปยังรายการ 30 ยังแจ๋ว
- 3199 อาคารมาลีนนท์ ชั้น 6 ถ.พระราม 4 แขวงคลองตัน เขตคลองเตย กทม. 10110
2. ส่งที่อาสาสมัครแจ๋วรักษ์โลก โดยดูรายชื่ออาสาสมัครที่ร่วมโครงการได้จาก

หรือท่านใดสนใจเป็นอาสาสมัครแจ๋วรักษ์โลก สามารถติดต่อขอตั้งกล่องรับบริจาคจากทางรายการ โดยให้ Fax ชื่อ/ที่อยู่/เบอร์ติดต่อ ไปยังหมายเลย 02-262-3344, 02-262-3372

หมดเขต 30 พฤศจิกายน 2551

เห็นว่าเป็นโครงการที่ดีเลยนำมาเผยแพร่ให้ได้รับทราบกัน ยังไงก็ช่วยกันลดโลกร้อนด้วยนะคะ เราจะได้มีสถานที่สวยๆ บนโลกนี้ให้ได้ท่องเที่ยวกันไปนานๆ

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.thaitv3.com

21 กรกฎาคม 2551

" กรุงเทพฯ " ได้รับเลือกเป็นเมืองที่ดี่ที่สุดในโลก

มีข่าวดีมาบอกให้คนไทยได้ทราบกัน นิตยสาร Travel & Leisure เป็นนิตยสารด้านการท่องเที่ยวชื่อดังจากอเมริกาเปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นผู้อ่านเกี่ยวกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวประจำปี 2551 ระบุว่า "กรุงเทพฯได้รับเลือกเป็นเมืองที่ดีที่สุดในโลกประจำปีนี้" ด้วยคะแนน 87.61% เมื่อปีที่แล้วกรุงเทพฯติดอยู่ในอันดับที่ 3 ส่วนอันดับ 2 ของปีนี้ได้แก่ กรุงบัวโนสไอเรส เมืองหลวงของอาร์เจนตินา ได้คะแนน 87.24% อันดับ 3 ได้แก่ เคปทาวน์ แอฟริกาใต้ ได้คะแนน 86.59% อันดับ 4 ได้แก่ ซิดนีย์ ออสเตรเลีย ได้คะแนน 86.49% ส่วนเมืองฟลอเรนซ์ อิตาลี แชมป์เก่าเมื่อปีที่แล้วหล่นไปอยู่อันดับ 5 มีคะแนน 86.24%

นอกจากนี้หมู่เกาะกาลาปากอสในเอกวาดอร์ที่เคยอยู่ในลำดับที่ 8 เมื่อปีที่แล้ว ได้รับเลือกให้เป็นหมู่เกาะที่ดีที่สุด ส่วนโรงแรมซินกิตา ซาบิน แซนด์ ในอุทยานแห่งชาติครูเกอร์ แอฟริกาใต้ ได้รับเลือกให้เป็นโรงแรมที่ดีที่สุดของโลก ด้านสิงคโปร์ แอร์ไลน์ ก็คว้าตำแหน่งสายการบินยอดเยี่ยมที่ดีที่สุดไปครองอีกครั้ง

ในส่วนของการจัดอันดับเมืองที่ดีที่สุดในเอเชียเรียงตามลำดับดังนี้ กรุงเทพฯ ได้ที่ 1 โดยเฉือนชนะโตเกียว เชียงใหม่ ฮ่องกง และอุทัยปุระจากอินเดีย โดยผลการจัดอันดับครั้งนี้มาจากการลงคะแนนโดยสมาชิกนิตยสารและจากการสำรวจทางอินเตอร์เน็ตช่วงเดือน ม.ค.-มี.ค. ทางนิตยสารจะมอบรางวัลให้กับผู้ชนะแต่ละสาขาในวันที่ 24 ก.ค. นี้ที่นิวยอร์ค ประเทศสหรัฐอเมริกาค่ะ

มีข่าวดีแบบนี้แล้วก็อยากให้คนไทยรักและสามัคคีกัน เพื่อให้ประเทศไทยของเราเป็นสถานที่น่าท่องเที่ยวติดอันดับโลกต่อไป!!!

16 กรกฎาคม 2551

Olympic 2008

ช่วงนี้ใกล้จะเข้าสู่การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกกันแล้ว เลยนำภาพสวนสวยๆ ที่สนามกีฬาโอลิมปิกของประเทศจีนมาให้ชมกัน เค้าตกแต่งสวนได้สวยงามมากแล้วก็สร้างสรรค์ดีด้วยนะคะ















































































แล้วอย่าลืมส่งแรงใจไปเชียร์ทีมนักกีฬาของไทยเรากันนะคะ!!!

11 กรกฎาคม 2551

เที่ยวเหมืองสมศักดิ์ บ้านป้าเกล็น





“บ้านพักของเหมืองสมศักดิ์อบอุ่นและงดงามด้วยความรักอันละเมียดละไม ของผู้สร้างตำนานรักต่างเชื้อชาติคุณสมศักดิ์ เสตะพันธุ และคุณเกล็นนิส ใครๆที่มาถึงที่นี่แล้วต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่อยากออกไปที่ไหนอีกแล้ว อยากจะนั่งๆ นอนๆ กินๆ อยู่ที่นี่แหละ”


ปิล๊อกในวันนี้เงียบเชียบ เนื่องด้วยอุตสาหกรรมทำเหมืองที่รุ่งเรืองมาตั้งแต่ราว พ.ศ ๒๕๒๒ ต่างปิดตัวเองลงกันไปหมดแล้วเพราะทรัพยากรธรรมชาติใต้ดินมีน้อยลงเป็นเหตุผลส่วนหนึ่ง หากแต่อีกเหตุผลหนึ่งก็คือราคาแร่ในตลาดโลกที่ตกต่ำลงไปมาก ทำให้เหมืองขนาดใหญ่ไม่คุ้มทุนอีกต่อไปเมืองใหญ่ในอดีตที่เคยมีเงินสะพัดเป็นสิบเป็นร้อยล้าน เคยมีผู้คนเข้ามาอยู่อาศัยทำงานต่างๆที่เกี่ยวเนื่องกับการทำเหมืองแร่นับพันนับหมื่นคน บัดนี้กลายเป็นเมืองเงียบเชียบที่ดำรงอยู่อย่างอัตคัดด้วยการทำการเกษตรและท่องเที่ยวเป็นสำคัญวันนั้นเราไปถึงปิล๊อกตอนเที่ยงก่อนเข้าเมืองเราเห็นป้ายบอกทางที่จะมุ่งเข้าไปที่เหมืองสมศักดิ์อยู่ข้างทาง แต่เราขับรถเลยไปเพื่อชมเมืองปิล๊อกประสาคนไม่เคยเข้าเมืองนี้กันนิดหน่อยก่อน นอกจากเรื่องราวของการทำเหมืองแร่แล้ว ปิล๊อกยังเป็นเมืองชายแดนที่มีอุณหภูมิหนาวเย็นเกือบตลอดทั้งปี หน้าหนาวจะมีทะเลหมอกงามลงตัว และมีจุดชุมวิวที่อยู่บนค่ายตำรวจตระเวนชายแดนบนเส้นพรมแดนพอดี แล้วขออนุญาตทั้งตำรวจไทยและตำรวจพม่าที่ประจำการอยู่ตรงนั้น ซึ่งมีอัธยาศัยดีกับนักท่องเที่ยว ออกไปชมช่องเขาที่เปิดออกสู่ดินแดนมอญที่วันนี้กลายเป็นประเทศพม่าไปแล้วที่ตรงนั้นด้านไทยเราเป็นยอดเขาเตี๊ยๆ เพราะเราขับรถขึ้นมาสูงมากแล้วแต่ทางฝั่งประเทศเพื่อนบ้านมองลงไปกลับเป็นพื้นที่สูงชันมาก พอเดินทะลุช่องเขาที่ขุดด้วยมือออกไป ภาพข้างหน้าก็ตระการตามากมองลงไปเห็นพื้นที่ด้านล่างกว้างขวางแทบทั้งหมด ดินแดนมอญด้านนี้ยังไม่มีอะไรเลยนอกจากเนินเขาสูงๆต่ำๆเบื้องล่างใกล้สุด สิ่งที่น่าสนใจเพียงอย่างเดียวก็คือ โรงพักแยกแก๊สธรรมชาติของฝรั่งที่เป็นตัวกลางในการส่งแก๊สธรรมชาติจากอ่าวเมาะตะมะเข้าสู่เมืองไทย ไกลออกไปพ้นจากแผ่นดินกว้างใหญ่เป็นเมืองชายทะเล คือเมืองเย และวันนี้อากาศก็เป็นใจจนเรามองเห็นสีน้ำเงินของทะเลจะมีคนบอกกับเราว่า เมื่อก่อนนี้สมัยที่กำลังซื้อบนเมืองปิล๊อกยังมากมายฟุ้มเฟือยอยู่นั้น มีอาหารทะเลเป็นๆ กุ้งมังกรตัวโตๆ หอย ปู ปลาอีกนับไม่ถ้วน ส่งขึ้นมาจากทะเลอันดามันมาขายกันถึงที่นี่เลยทีเดียวถ้าลองมองที่ตรงนี้ในแผนที่ใหญ่ๆการมองออกไปจากตรงนี้คือการยืนหันข้างให้แนวเหนือใต้ของแผนที่ และมองตรงออกไปทางทิศตะวันตก แผ่นดินถัดเราลงไปก็คือที่ราบริมทะเลแคบๆของแผ่นดินมอญ ที่ถ้ามองเข้ามาจากทะเลก็จะเห็นทิวเขาตะนาวศรีเป็นแนวทะมึนขวางอยู่เต็มตา เรามองออกไปจากพรมแดนไทย-พม่าบนเขานี้ และดินแดนที่เคยเป็นดินแดนของชาวมอญ เมืองเย( Ye) เมืองวาย(Tavay) เมืองมะริด(Mergui) เมืองสะเทิม(Taton) และเมืองมะละแหม่ง(Moulmein) ก่อนจะตกอยู่ภายใต้อำนาจพม่าก็เป็นดินแดนที่คล้ายคลึงกับประเทศเวียดนามคือเป็นที่ราบแคบๆชายฝั่งทะเลอันดามันต่างกันตรงเวียดนามเป็นที่ราบแคบชายฝั่งทะเลจีนใต้ แผ่นดินมอญเกือบทั้งหมดก็แทบจะมาวางตัวอยู่เบื้องหน้าของเราตรงนี้แล้วเราก็ออกสู่เส้นทางออฟโรดอีกครั้ง โดยแยกซ้ายออกจากเส้นทางหมายเลข3272 ตรงป้ายที่เขียนไว้ชัดเจนว่าเหมืองสมศักดิ์ ทางจากตรงนี้เป็นต้นไปนี่แหละ ที่ชาวขับออฟโรดทั้งหลายถือว่าเป็นเส้นทาง The Must ระดับประถมต้น แทบทุกวันหยุดสุดสัปดาห์มีชาวขับสี่ล้อขับกันเข้ามาเป็นหมู่คณะ อยู่เป็นประจำเส้นทางจากตรงนี้เป็นทางเข้าเหมืองแร่เก่าหลายๆเหมือง สภาพทางแรกๆก็ไม่ยากเย็นนัก จนกระทั่งมาถึงสามแยกใหญ่มีป้ายเขียนสำทับให้น่ากลัวไว้ว่า “เฉพาะรถขับเคลื่อนสี่ล้อเท่านั้น” จากป้ายนี้ไปทางก็เปลี่ยนไปเป็นหินลอยก้อนใหญ่ๆกับดินล้วนๆดังนั้น ความทุรกันดารที่จะต้องเจอเป็นหลักก็คืออาการกระแทกกระทั้น อาการล้อปั่นฟรีเพราะลื่น หรือเพราะตกลงจากยอดหิน ครูโด่งบอกผ่านวิทยุมือถือ อุปกรณ์จำเป็นอีกอย่างของการขับออฟโรดเสียงดังเข้ามาในรถให้ลองขับเข้าไปด้วยเกียร์ 4 LOWและความเร็วแบบ Walking Speed จะได้รับรู้รสชาติของสภาพถนนขรุขระที่ทุรกันดารมากขึ้น แต่อาการกระแทกกระทั้นบอบช้ำของรถจะมีน้อยเพราะต้องค่อยๆหยอดหลุมไป และมีเวลาเลือกเส้นทางหักพวงมาลัยซ้ายขวาหลบได้มากกว่าในที่สุดเราก็มาถึงจุดหมายปลายทาง “เหมืองสมศักดิ์” ที่มีคุณป้าเกล็น หรือ Glennis Setabandhu คุณป้าฝรั่งชาวออสเตรเลีย ที่มีความรัก ความผูกผันกับเหมืองสมศักดิ์ จนตัดสินใจที่จะอยู่ในดินแดนทุรกันดารแห่งนี้ไปจนชั่วชีวิตและเรื่องราวดังความฝันของคุณป้าเกล็นก็เริ่มขึ้นเมื่อหลายสิบปีก่อนที่เมืองแคลคูรี ประเทศออสเตรเลีย เมื่อคุณสมศักดิ์ เสตะพันธุ ชายหนุ่มจากจังหวัดกาญจนบุรี ประเทศไทย ได้ไปเรียนต่อปริญญาโท ด้านวิศวกรรมเหมืองแร่ที่มหาวิทยาลัยที่นั่น รักต่างชาติของคนทั้งสองก็เกิดขึ้น และเดินเข้าสู่ประตูวิวาห์ร่วมกัน จากนั้นคุณสมศักดิ์ก็พาคุณป้ากลับเมืองไทย และตัดสินใจไปทำเหมืองแร่ที่ปิล๊อก โดยคุณป้าตัดสินใจตามเข้าไปเป็นแม่บ้านถึงในดินแดนป่าดงดิบนี้ด้วยกิจการเหมืองสมศักดิ์ผ่านยุคแห่งความรุ่งเรืองมานาน จนกระทั่งเข้าสู่ยุคแห่งความเสื่อมโทรมเพราะราคาแร่ของตลาดโลกตกต่ำและความเสื่อมโทรมนั้นก็มาถึงในที่สุด ด้วยการลาจากโลกนี้ไปของคุณสมศักดิ์ด้วยโรคหัวใจและโรคมะเร็งในกระเพาะอหารแต่ด้วยความรักและความผูกผันทั้งปวง แม้เหมืองจะปิดกิจการไปแล้ว แต่ป้าเกล็นก็ยังคงอยู่ปิล๊อกต่อไป และดำรงชีพพร้อมกับดูแลลูกน้องชาวเหมืองจำนวนหนึ่ง ด้วยการเปิดบ้านพักของเหมืองให้เป็นแหล่งพักให้กับนักท่องเที่ยวในลักษณะของเกสเฮาส์หรือโฮมสเตย์ ซึ่งด้วยรสนิยมผู้ดีฝรั่งของคุณป้า บวกกับความเป็นวิมานรักของสองหนุ่มสาวเจ้าของเหมือง ทำให้บรรยากาศที่พักที่นี่มีกลิ่นอายไม่เหมือนที่ไหน ไม่ถึงกับหรูหรา


ขนมเค้กมีให้ทานตลอดทั้งวันฝีมือป้าแกสุดยอด


แต่ก็มีสัมผัสแห่งรสนิยมฝรั่งสมัยใหม่ บวกกับความละเมียดละไมของไออุ่นแห่งความรักที่ไม่เคยจางหายแม้ฝ่ายหนึ่งจะจากไปแล้ว จึงทำให้ที่นี่กลายเป็นที่พักที่โรแมนติก เต็มไปด้วยรสนิยมที่เข้ากันได้ดีกับอุปนิสัยของบรรดานักท่องเที่ยวออฟโรดทั้งหลายสิ่งที่เลื่องลือมากสำหรับทุกคณะท่องเที่ยวที่นี่ก็คือ รสชาติเสนออร่อยของขนมเค้กแบบโฮมเมดแสนสวยและสดใหม่จากเตาของป้าเกล็นที่เสริฟทุกเช้าและทุกเวลา ยิ่งความอร่อยแบบนี้มาเจอเข้ากับความหนาวเย็นในหน้าหนาว บอกกับบรรยากาศ ตลอดจนธรรมชาติงามๆด้วยแล้ว เป็นบรรยากาศที่เข้ากันจนนักท่องเที่ยวหลายๆคณะที่พากันมาถึงที่นี่ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ตอนแรกอยากจะมาดูเหมือง ดูน้ำตก นั่งรถออฟโรด แต่พอมาถึงบ้านป้าเกล็น ก็ไม่อยากไปไหนทั้งสิ้น อยากจะนั่งๆนอนๆดื่มด่ำกับบรรยากาศอบอุ่นที่นี่เป็นไปอย่างนี้ให้นานๆคณะของเราวันนั้นไม่ได้วางแคมป์แต่เข้าพักในบ้านป้าเกล็นแทน แต่ยังไม่ทันจะเข้าห้องพัก เราก็พากันไปกระโดดน้ำเล่นในเขื่อนย่อมๆภายในที่พักอย่างสนุกสนาน และค่ำคืนนั้น อาหารค่ำที่บ้านป้าเกล็นอร่อยมากๆ และที่สำคัญเรายังได้รับฟังเรื่องราวหลากหลายจากปากของคุณป้า ที่เล่าเรื่องราวต่างๆให้เราฟังอย่างมีความสุขถ้าอยากจะรู้ว่าเรื่องราวของชาวเหมืองสมศักดิ์ ตลอดจนความรักในวิมานกลางป่าท่ามกลางคนทำเหมืองนับร้อยเป็นอย่างไร ให้ไปฟังจากปากป้าเกล็นด้วยตัวเองเถิด ป้าคงจะเล่าได้อย่างมีชีวิตชีวามากกว่าให้เราเล่าหลายเท่า เราถามป้าว่ามีนักท่องเที่ยวเข้ามามากมายแบบนี้ คุณป้าต้องเล่าเรื่องราวต่างซ้ำแล้วซ้ำเล่าบ่อยๆอย่างนี้เบื่อบ้างไหม คุณป้าตอบว่า ไม่มีเบื่อเลย ยิ่งเล่า ภาพแห่งความสุขในอดีตก็เหมือนจะหวนคืนมาชัดเจนอีกครั้ง เป็นความสุขที่ได้เล่าและเป็นความสุขที่ได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวที่มาช่วยทำให้เหมืองสมศักดิ์มีชีวิตคืนมาอีกครั้งและอยู่ต่อไปได้..



น้ำตก ผาแปร น้ำตกใหญ่ซึ่งอยู่ภายในเหมืองสมศักดิ์


แบบว่าเห็นแล้วอึ้ง



10 กรกฎาคม 2551

Hashima เมืองผีญี่ปุ่น

ไปเที่ยวที่สวยๆ งามๆ มากันเยอะแล้ว ลองไปที่ที่น่ากลัวชวนขนหัวลุกกันดูบ้างนะคะ

HASHIMA เขาว่ากันว่าที่นี่คือ " เมืองผีญี่ปุ่น " ใครที่เคยดูหนังเรื่อง " Battle Royale " มาก่อนอาจจะดูคุ้นๆ เพราะเขาไปถ่ายทำกันที่นี่


...ความเป็นมาดั้งเดิม นี่คือเมืองที่ถูกสร้างขึ้นบนทะเล และมีชื่อเรียกอีกอย่างว่า Battleship Island ปัจจุบันเป็นเมืองร้างอยู่กลางทะเลและได้รับการโจษจันว่าผีดุ!! อาคารร้างแต่ละอาคารต่างมีบรรดาผีและวิญญาณคนตายแห่งท้องทะเลจับจองกันไปอยู่











...เกาะอันน่าสะพรึงนี้อยู่ห่างจาก นางาซากิ ประมาณ 15 กิโลเมตร


Hashima...เกิดขึ้นในยุคที่อุตสาหกรรมถ่านหินกำลังเฟื่องฟู โดยการดำเนินการสร้างของบริษัท มิตซูบิชิ ซึ่งใช้เป็นที่พักในลักษณะเมืองขนาดเล็ก มีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับพนักงานจำนวนมากในอุตสาหกรรมถ่านหิน





















...เมืองแห่งนี้มีชีวิตเริ่มต้นในปี ค.ศ. 1887 (ก่อสร้าง) และเริ่มใช้งานได้ในปี 1890 ทว่าในยุค 60 อุตสาหกรรมถ่านหินในญี่ปุ่นค่อยๆ ทยอยปิดตัวลง เนื่องจากถ่านหินลดความนิยมจากการใช้พลังงานเชื่อเพลิงอย่างอื่น คล้ายกับการทยอยปืดตัวของเหมืองแร่ในภาคใต้ ซึ่งเราจะเห็นได้จากสายฝนและความเศร้ากับชีวิตลูกผู้ชายที่เหน็บหนาวไปถึงหัวใจในหนังเรื่องเหมืองแร่












...จนกระทั่งปิดตัวลงอย่างถาวรในปี 1974


...ทุกวันนี้เหลือเพียงแต่เศษซากของความรุ่งเรืองทิ้งไว้ให้ระลึกถึงอดีต (อย่างหลอนๆ)

ถ้าใครได้ไปสถานที่นี้ในเวลาปัจจุบันคงจะหลอนน่าดู ที่นี่ในเวลากลางคืนโดยเฉพาะในช่วงมรสุมหรือพายุเข้าจะได้ยินเสียงน่ากลัวดังค่อยๆ อย่างหวีดหวิวอยู่ในสายลมและเสียงฝน ซึ่งต้องตั้งใจฟังให้ดี เพราะว่ากันว่า " เมืองนี้กำลังร้องไห้ เพราะมันโดดเดี่ยวอยู่เป็นเวลานานแล้ว...ความหนาวเหน็บจากสายฝนบาดลึกไปถึงหัวใจของเมือง ซึ่งโหยหาใครซักคนไปอยู่ด้วย!! "

มีใครอยากจะลองไปเที่ยวดูบ้างมั้ยคะ??? *o*

08 กรกฎาคม 2551

โครงการบ้านกลางทะเลของดูไบ

เค้าว่ากันว่าโครงการนี้สร้างเสร็จแล้วแต่อยู่ที่ดูไบนะคะ ใครอยากจะลองไปเที่ยวชมกันก็ได้ หรืออยากซื้อไว้ซักหลังก็ดีนะคะ เผื่อจะได้ขอไปเที่ยวบ้าง ^_^ เมืองไทยน่าจะมีโครงการแบบนี้บ้าง ยังไงก็ฝากบ้าน 818 ลองเก็บไปพิจารณาดูนะคะ ^_^